หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บทที่ ๑ จักรวาล

จักรวาล

สารคดีสุดยิ่งใหญ่ของโลก ในเรื่องของจักรวาล
และหลุมดำ ซึ่งทางบริษัท STG multimedia นำมา
ให้เสียงเป็นภาษาไทย ได้แสดงให้เห็นถึงความ
มหัศจรรย์ของจักรวาลเหลือจะคณา

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) กล่าวไว้ว่า จักรวาลเปรียบเสมือนปริศนาใหญ่ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ซึ่งสามารถเข้าถึงได้เพียงบางส่วนจากการสังเกตและจินตนาการของคนเรา เขายังบอกอีกว่า
"สิ่งที่เข้าใจยากที่สุดสำหรับจักรวาลก็คือการ บอกว่าจักรวาลสามารถเข้าใจได้"
เมื่อมองเข้าไปในจักรวาล เราจะเห็นดวงดาว ทั้งหลาย พากันส่องแสงสกาวพร่างพราว เต็มไปหมด
ประกอบด้วย กลุ่มดาวอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ที่เราเรียกว่า "ดาราจักร" (Galaxy) ขอบเขตที่เราส่องกล้องมองเห็น มีจำนวนอยู่ไม่น้อย กว่า 100,000 ล้านแห่ง และในแต่ละดาราจักรประกอบด้วยดวงดาว
รวมกันอยู่ ประมาณ100,000 ล้านถึง 1 ล้านล้านดวง โลกของเราลอยละล่องอยู่บริเวณขอบของดาราจักร
ที่ชื่อว่า "ทางช้างเผือก" ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 100,000 ปีแสง นั่นก็หมายความว่า ถ้านำยานที่แล่นด้วย
ความเร็ว 3,000 กิโลเมตรต่อวินาที พุ่งออกจากโลก ไปยังขอบดาราจักรทางช้างเผือก อีกฟากหนึ่ง
ต้องใช้เวลาวิ่งถึง 10 ล้านปี
นักวิทยาศาสตร์พบว่า จักรวาลที่เราส่องกล้องมองเห็นในปัจจุบัน มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับจักรวาล
ทั้งหมด แต่ความจริงแล้ว ขนาดนั้นเทียบได้เพียงกับขนาดเม็ดทราย
เม็ดหนึ่ง ในห้วงมหาสมุทรแห่งจักรวาล จากการคำนวณพบว่า แม้ภายในจักรวาลเราเพียงจักรวาลเดียว
ก็ยังมีมิติต่างๆ ช้อนทับกันอยู่อีกมากมาย ปัจจุบันมนุษย์รู้จักเพียงมิติที่ 4 และห้องปฎิบัติการ เซิร์น (CERN) กำลังค้นหามิติที่ 5 อย่างเอาจริงเอาจัง โดยมีสมมติฐานว่า มิตินี้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยความถี่คลื่นแสงปกติ มนุษย์จึงมองไม่เห็น ซึ่งถ้าพบและขยายมิตินี้ออกมาให้เห็นได้ คงจะพบกับความมหัศจรรย์มากมาย เปรียบกับการเห็นลูกโป่งลอยเป็นจุดเล็กๆ อยู่บนท้องฟ้าไกลๆ
ถ้าขยายไม่พอเราจะเห็นลูกโป่งแค่ 1 มิติ แต่เมื่อมันลอยเข้ามาใกล้ขึ้น จะเห็นความกว้างยาวของลูกโป่ง
นั่นคือเห็นมิติที่ 2 และเมื่อลอยมาอยู่ตรงหน้า เราจะรู้ว่าภายลูกโป่งมีสภาพเป็น 3 มิติ หมายความว่า ถ้าขยายเพียงพอ เราจะเห็นมิติที่ 3 ที่ซ่อนอยู่ในลูกโป่ง ถ้าขยายต่อไปจนเห็นภายในอะตอมของลูกโป่ง เราก็จะเห็นมิติที่ 4 ซึ่งมีอิเล็กตรอนวิ่งว่อน อยู่ในนั้น การเห็นมิติที่เหนือขึ้นไปจะต้องขยายจากมิติที่ต่ำกว่า ดังนั้น การเข้าสู่มิติที่ 5 ต้องใช้กำลังขยายสูงที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา และ ไม่สามารถใช้แสงในการขยายเหมือนกล้องจุลทรรศน์ได้ เพราะมิตินี้ มองด้วยแสงไม่เห็น
จากทฤษฎีสตริง (String Theory) คำนวณได้ว่า จักรวาลมีถึง 11 มิติ ถ้ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ในมิติที่ 7 8 9 เราจะมองไม่เห็นเขา ทฤษฎี นี้ยังบอกอีกว่า นอกจากจักรวาลเราแล้ว ยังมีจักรวาลอื่นๆ อีกมากมาย ถึง 10 แห่ง จักรวาลแต่ละแห่งจะมีกฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์ที่แตกต่างกันไป
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า จักรวาลไม่ได้มีเพียงจักรวาลเดียว ยังมีอีกถึงแสนโกฎิจักรวาล (อนันตัง  อะปะริมาณัง)




2 ความคิดเห็น: