หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

๓.๑ จักรวาล 11 มิติ

๓.๑ จักรวาล 11 มิติ

การกำหนดตำแหน่งในมิติที่ 4 ต้องบอกกาล-อวกาศด้วยถ้าไม่กำหนดกาล-อวกาศ เราจะไม่สามารถหากันเจอได้เลย ในระดับที่ 3 มิติเราสามารถกำหนดเพียงสถานที่และเวลาได้ เช่น นัดกับเพื่อนที่ลาน
น้ำพุชั้น 2 สยามพารากอน เวลาบ่ายโมง เท่านี้ก็หากันเจอแล้ว เพราะอยู่ในกาล-อวกาศ เดียวกัน
แต่ถ้าเราจะนัดเพื่อนบนดาวแพนโดราให้มาเจอกันบนดวงจันทร์เวลาบ่ายโมง
ด้วยมูลเพียงเท่านี้ไม่มีทางหากันเจอเพื่อนที่นัดกันไว้ได้ เพราะกาล-อวกาศทำให้เวลาและระยะทาง
ยืดหดได้ เช่นเดียวกับก๊าซที่ปริมาตรยืดหดได้ เวลาเราบอกปริมาตรก๊าซจึงต้องบอกอุณหภูมิและความดันควบคู่ไปด้วยเสมอ ถ้าเรานัดเพื่อนให้เอาก๊าซออกชิเจนมาคนละ 1 ลิตร แต่ไม่บอกอุณหภูมิและความดัน มั่นใจได้เลยว่า เพื่อนไม่มีทางเอาก๊าซมาได้ปริมาณตรงกับเราเลย
การกำหนดขนาดก๊าซขึ้นอยู่กับความร้อนและความดันฉันใดการกำหนดขนาดของระยะทางและเวลาก็ขึ้นกับความเร็วและความโน้มถ่วงฉันนั้น ในการขับรถบนโลก เราอาจนัดเพื่อนว่า ขับไปข้างหน้าถึง 100 กิโลเมตร หรือขับไปแล้ว 1 ชั่วโมง ให้หยุดรอกัน แต่สำหรับการขับยานอวกาศความเร็วสูง ระยะทางและเวลาจะยึดหดตามความเร็ว ดังนั้นถ้าจะนัดเพื่อนให้หยุดรอ ข้อมูลเพียงระยะทางหรือเวลาอย่างเดียว ใช้ไม่ได้ในระดับจักรวาล ต้องมีตัวเลขอีก 1 ตัวที่บ่งบอกถึงความบิดเบี้ยวของกาล-อวกาศ อันเนื่องมาจากมวลของยาน ความเร่ง ความเร็ว อุณหภูมิ และความโน้มถ่วงด้วย
เรารู้มานานแล้วว่า ขนาดลูกฟตุบอลขึ้นกับความดัน แต่ไอน์สไตร์บอกว่า ขนาดลูกฟตุบอลขึ้นกับความเร็วด้วย นั่นก็คือถ้าลูกฟตุบอลลูกนั้นพุ่งด้วยความเร็วสูงมากๆ มันจะมีขนาดที่เล็กลง
ทฤษฎีสัมพัทธภาพบอกว่าระยะทางยืดหดได้เหมือนยางยืด นั่นก็คือยิ่งเร็วยางยืดก็จะหดสั้นลง และถ้าเร็วเท่าแสงยางยืดนี้จะหายไปทันที ซึงในครั้งแรกที่ไอน์สไตน์เสนอทฤษฎีนี้ มีแต่คนบอกว่า เขาสติฟั่นเฟือนไปแล้ว เมื่อมาถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์จึงศรัทธาไอน์สไตน์ราวกับพระเจ้า ในตอนแรกคิดว่านิวตันเข้าใจพระเจ้าที่สุดแล้ว แต่ไอน์สไตน์ที่รู้สึกถึงความลับของพระเจ้ามากกว่านิวตัน
ชนิดที่เรียกว่าเป็นภาพยนตร์คนละเรื่องเลย 
ดั้งนั้น สภาวะนิพพาน หรือบรรลุอรหันต์มีอยู่จริง แต่การจะอธิบายสภาวะนั้นให้ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงสามารถเข้าใจ ทำไม่ได้เลย ต้องหยั่งรู้ด้วยภาวนาปัญาญาณเท่านั้น และพระพุทธองค์ทรงสอนว่า อย่าพยายามคิด เพราะจะทำให้ฟุ้งซ่านจนถึงขนาดเสียสติได้ การคิดก็คือการพูคภายในสมอง ภาษา หลักตรรกะหรือการคำนวณทางคณิตศาสตร์เป็นเพียงสมมติบัญญัติ ไม่สามารถนำมาอธิบายความจริงแท้ ดังนั้นสภาวะนี้
คนรู้จริงจะไม่พูด เพราะรู้ว่าถึงพูดไปก็อธิบายให้เข้าใจไม่ได้ส่วนคนที่พูด ไม่รู้จริง
กายเนื้อของเรา ก็เป็นเพียงเครื่องมือที่จะรับผัสสะต่างๆ ที่เป็นเนื้อๆ เหมือนกันในมิติที่ 3 ส่วนผัสสะที่ละเอียดลึกกว่านั้น เครื่องมือนี้ไม่อาจจะรับได้ นอกนอกจิต จิต คนที่เห็นจิตโดยแท้จริงเท่านั้น จึงจะรู้ถึง
สิ่งที่จิตสัมผัสได้ นอกเหนือจากประสาทสัมผัสทางทวาร 6 ได้ จะหลุดพ้นจากมิติที่ 3 
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ล้วนเป็นประสาทสัมผัสที่ตกอยู้ภายใต้อิทธิพลของเวลา ดังนั้น การจะเข้าใจมิติที่สูงกว่ามิติที่ 4 จะต้องใช้อายตนะที่ 6 คือใจหรือจิต ในการศึกษาจะทำให้เข้าใจเรื่องมิติที่ 5 หรือสูงกว่านั้นได้ จิตเท่านั้นที่สามารถรับภาพจากมิติอื่นได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น