หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

๔.๕ การข้ามเวลา

๔.๕ การข้ามเวลา

แม้ว่าเส้นทางเวลาจะถูกกำหนดไว้แล้ว แต่มนุษย์มีกำลังสติที่สามารถเปลี่ยนเส้นทางของเวลาได้ เปรียบเสมือนแม่น้ำที่แยกออกเป็น 2 สาย ปลาสิทธิจะเลือกว่านไปทางใดทางหนึ่ง แต่ทั้ง 2 เส้นทาง มันก็ไม่รู้ว่าต้องพบกับอะไรในอนาคตบ้าง และถ้าเลือกทางหนึ่งมันจะไม่รู้เลยว่าอีกเส้นทางเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับมนุษย์เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจเลือกแต่งงานระหว่างแฟน 2 คน
ทั้ง 2 เส้นทางชีวิตนี้ก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะต้องเจอกับอะไรบ้าง และถ้าเลือกแต่งกับคนหนึ่ง อีกเส้นทางหนึ่งก็ไม่มีทางรู้เลยว่าเป็นอย่างไร และคาดหมายไม่ได้ด้วย ทฤษฎีควอนตัมบอกไว้ว่า เราไม่มีทางรู้ จนกว่าจะเอาตัวเองเข้าไปวัด ความไม่แน่นอนมีอิทธิพลสูงจนมิอาจคาดการณ์ได้ สำหรับในทางวิทยาศาสตร์ การเดินทางข้ามเวลาไปในอนาคต ตามทฤษฎีแล้ว ทำได้ง่ายกว่าการเดินทางย้อนอดีต ดังนั้น ถ้าการข้ามเวลาทำได้จริง ควรเริ่มต้นด้วยการเดินทางไปอนาคต (แต่ปัญหาคือแล้วจะกลับมาปัจจุบันได้อย่างไร) การเดินทางไปในอนาคตสามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎีสัมพัทธภาพแต่การเดินทางย้อนอดีตดูเหมือนใช้ทฤษฎีควอนตัมอธิบายจะง่ายกว่าเพราะการเดินทางไปในอนาคตยังเป็นมิติเดิม เพียงแต่ข้ามเวลา แต่การเดินทางย้อนอดีต จะเป็นมิติซ้อนมิติ (เช่น มีตัวเรา 2 คน คือคนที่ย้อนไปกับคนในอดีต) ซึ่งทฤษฎีควอนตัมสามารถอธิบายได้ ในเรื่องนี้ สตีเฟน ฮอร์กิ้ง ก็เห็นด้วยว่า การเดินทางข้ามเวลาไปในอนาคต มีโอกาสทำได้ สูงกว่าการเดินทางย้อนอดีต ปัญหาก็คือ ถ้าเราข้ามไปอยู่ในโลกอนาคตแล้ว เราอาจจะย้อนกลับมาที่เวลาเดิมไม่ได้อีก ตัวตนเราจะหายไปจากโลกปัจจุบัน และไปใช้ชีวิตในโลกอนาคตแทนคงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ๆ สมมติเราสามารถนั่งยานข้ามเวลาโผล่พรวดไปในปี พ.ศ. 2600 แต่กลับมาเวลาเดิมไม่ได้อีก ไปแล้วไปลับ คงไม่มีใครอยากไป พระพุทธองค์ก็ทรงรู้ว่าปรินิพพานในวันไหน แต่เมื่อไม่ให้เกิดการตระหนก  พระองค์ทรงเลือกที่จะบอกก่อนเพียง 3 เดือนแก่พระอานนท์
ว่า "อานนท์อีก 3 เดือนเราตถาคตจักปรินิพพาน"แม้พระอรหันต์รูปอื่นๆ ท่านก็สามารถรู้ล่วงหน้าได้เช่นกัน พระอาจารย์ มั่น ภูริทัตโต ก็ได้บอกล่วงหน้าแก่หลวงตามหาหัว ญาณสัมปันโน ว่า "อายุ 80 ปี จะนิพพาน"หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เขียนใส่สมุดบันทึกว่า "78 ปี อายุจะต้องสิ้นสุด" เหตุที่การย้อนอดีตทำยากกว่า เพราะว่าขัดกับกฎของเทอร์โมไดนามิกในทางวิทยาศาสตร์เหมือนการไปทำให้จักรวาลหดตัวกลับ  และผิดหลักอนิจจังในทางพระพุทธศาสนา ที่ว่า สรรพสิ่งจะต้องตกอยู่ในสภาวะเสื่อมลงอยู่เสมอ ดังนั้น การจะย้อนเวลาให้ลดจากอายุ 60 เป็น 40 เป็นไปไม่ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ถ้าการย้อนเวลาทำได้จริง จิตจะเป็นเพียงผู้ดู แต่มิอาจเข้าไปเปลี่ยนแปลงอดีตนั้นได้เลย กาลเวลาที่ผ่านไปนั้นไม่ได้สูญหายไปไหนมันจะถูกเก็บไว้เหมือนระบบอย่างหนึ่ง สักวันเราคงจะสามารถเข้าถึงระบบเหล่านี้ได้ และทฤษฎีที่จะทำให้เกิดขึ้นน่าจะเป็นทฤษฎีควอนตัม โดยเฉพาะเรื่องหลักการพัวพันทาง        ควอนตัม ที่สามารถรับรู้สิ่งต่างๆ ด้วยความไวมากกว่าแสง
ถ้าต้องการย้อนเวลาเพียงการเป็นผู้ดู เชื่อว่าเทคโนโลยีในอนาคตสามารถทำได้อย่างแน่นอน มันก็เหมือนกับการเล่นวิดีโอย้อนกลับ เพียงแต่ภาพเป็น 3 มิติ และตัวเราเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย เช่น ยืนอยู่ข้างๆ มองเห็นตัวเองกำลังนั่งทานข้าวเมื่อ 3 วันที่แล้ว แต่เป็นเพียงการเห็น ไม่สามารถเข้าไปแก้ไขอะไรได้ แต่อย่างไรก็ตาม การย้อนเวลาเช่นนี้จะมีประโยชน์อย่างมาก ในการสืบสวนความผิด จับโกหกผู้ร้าย วิเคราะห์อุบัติเหตุ ถ้าเทคโนโลยีเกิดขี้นจริง ในอนาคตตำรวจกับศาลคงทำงานง่ายขึ้นมาก ตามทฤษฎีไร้ระเบียบได้เปรียบเปรยไว้ว่า แม้ผีเสื้อตัวหนึ่งกระพือปีกที่ฮ่องกง ก็สามารถเป็นต้นเหตุให้เกิดพายุทอร์นาโดขึ้นที่นิวยอร์กในอีก 1 เดือนต่อมาได้ 
สรรพสิ่งในโลกล้วนสัมพันธ์กัน ดังนั้น การที่มนุษย์คนหนึ่งได้เกิดขึ้นมาบนโลก ย่อมจะส่งผลกระทบไปในวงกว้างยิ่งกว่าผล กระทบปีกผีเสื้อ (butterfly effect) เพราะมนุษย์สามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากกว่าผีเสื้อเป็นล้านเท่าการย้อนอดีตก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากว่าเทคโนโลยีย้อนเวลาสามารถทำได้จริง
มนุษย์คนที่ย้อนเวลาไปในอดีต จะต้องทำให้ประวัติศาสตร์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน ทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนั้นธรรมชาติจึงทำให้การย้อนเวลาเป็นของต้องห้ามสำหรับคนที่จิตไม่บริสุทธิ์ ยังเจือปนไปด้วยกิเลส ตัณหา อุปาทาน (ตัวกู ของกู) การย้อนเวลา จะสามารถทำได้เฉพาะผู้ที่ฝึกจิตจนถึงระดับที่สามารถละกิเลสทั้งหมดได้เท่านั้น ญาณหยั่งรู้อดีต จะลึกชึ้ง ละเอียดกว่าการย้อนเวลา เพราะจะรู้ไปถึงอดีตชาติเลยทีเดียว ก็คือรู้กรรมในอดีตทั้งหมด รวมไปถึงปฎิสัมพันธ์ของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตด้วย เมื่อบรรลุญาณจะรู้ว่า เหตุการณ์ในแต่ละชาติไม่จำเป็นต้องเป็นผลมาจากชาติที่แล้ว
อาจจะเป็นชาติก่อนหน้านั้นหลายๆ ชาติก็ได้เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุมาจากวันนี้ อาจเป็นเมื่อวานซืน หรือสิบวันร้อยวันที่แล้วก็ได้ ดังนั้นกรรมเก่าที่รอตามเอาคืนมากมายมหาศาลเหลือเกิน เมื่อรู้เช่นนี้ จึงต้องการหลุดพ้นจากวังวนแห่งสังสารวัฎ พระพุทธองค์ทรงพบว่า ใน 31 ภพภูมิเวลาเดินเร็วช้าไม่เท่ากันยิ่งภพภูมิสูเวลายิ่งเดินช้าลง ดังนั้น บนสวรรค์ชั้นสุดของอรูปพรหม (ชั้น 31 ) เวลาเดินช้ามากๆ แต่อย่างไรก็ตาม ชั้นนี้ยังไม่ใช่พิพพานเพราะยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของเวลาอยู่ มีเกิด มีดับ มีอนิจจัง ทุกขัง เพียงแต่นามมากเท่านั้นเอง ในภพของเทวดาแต่ละชั้นเวลาก็ไม่เท่ากัน เช่น สวรรค์ 4 ชั้นแรกที่มนุษย์ทั่วไปมีโอกาสจะไปเกิดมากที่สุด คือชั้นจาตุมมหาราช ชั้นดาวดึงส์ ชั้นมายา และชั้นดุสิต พระพุทธองค์ทรงอธิบายไว้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย 50 ปีมนุษย์ เป็นคือหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นจาตุมมหาราช 100 ปีมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นดาวดึงส์ 200 ปีมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นมายา 400 ปีมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นดุสิต พระพุทธองค์ทรงรู้ว่าเวลายืดหดได้ ก่อนทฤษฎีสัมพัทธภาพถึงกว่า 2000 ปี

1 ความคิดเห็น: