๔ .๑ มายาแห่งอดีต อนาคต
ถ้าปลาว่ายไหลตามกระแสน้ำปิงจากเชียงใหม่ มายังนครสวรรค์โดยที่ปลานั้นไม่รู้มาก่อนเลยว่ามีนครสวรรค์บนโลกนี้ ดังนั้น ระหว่างอยู่ลำพูน มันจะคิดว่าเชียงใหม่เป็นอดีต (แต่มันยังไม่รู้อนาคต) ทีนี้ถ้าเกิดมีปลาตัวหนึ่งว่ายเร็วกว่ากระแสน้ำมาก นำหน้ามาถึงนครสวรรค์ก่อน แล้วว่ายทวนกระแสย้อนกลับไปหาปลาที่ลำพูน แล้วบอกว่า ในวันพรุ่งนี้จะต้องเจออะไรบ้าง ซึ่งปลาที่อยู่ลำพูนไม่เชื่อ แต่ปรากฏว่าในวันรุ่งขึ้นได้พบเห็นสิ่งต่างๆ จริงตามที่ได้ยินมา มันก็คงจะคิดว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เช่นเดียวกัน มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ในกระแสแสง ถ้าใครทำความเร็วสูงกว่าแสงได้ ก็จะเหมือนปลาที่ว่ายเร็วกว่ากระแสน้ำ ด้วยเหตุนี้ แสงจึงไม่ยอมให้ใครทำความเร็วสูงกว่าตัวมัน เพราะมิฉะนั้นความลับเรื่องอดีต อนาคต ไม่มีอยู่จริงจะถูกเปิดเผย
ถ้าเราขึ้นเครื่องบินมองตามลำน้ำปิงก็จะรู้ว่าทุกอย่างอยู่ในปัจจุบันขณะเดียวกัน เพียงแต่จักรวาลของปลาคือน้ำ เพราะปลาเอาตัวเข้าไปอยู่ในกระแสน้ำ มันจึงหลงคิดไปว่าสิ่งนี้คืออดีต สิ่งนี้คืออนาคต ตามแต่กระแสน้ำพาไป เพียงแต่โฟตอนของแสงเบาบางกว่าโมเลกุลของน้ำ และความเร็วสูงกว่ามาก นอกจากนั้นแสงยังทำให้เซลล์ของเราแก่ลงไปด้วย (ถ้าแสงหยุดเคลื่อนที่ เราก็จะหยุดแก่) ตอนอายุ 30 เราอาจจะบอกว่า 10 ขวบเป็นอดีต และ 40 เป็นอนาคต ความจริงแล้วกระแสแสงนั่นเองที่ทำให้เราแก่จาก 30 เป็น 50 แรงโน้มถ่วงทำให้สายธารแห่งน้ำไม่ไหลย้อนกลับฉันใด แสงก็ทำให้สายธารแห่งเวลาไม่ไหลย้อนกลับฉันนั้น เพราะแสงก็คือตัวกำหนดเวลานั่นเอง
ถ้าเทียบการไหลของเวลาเหมือนกับสายน้ำ การเเล่นเรือทวนน้ำเปรียบได้สมถกรรมฐาน (การมีสมาธิแนบแน่น) เวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนมองไม่เห็นรายละเอีอดของสิ่งต่างๆ เช่น เวลาที่มีสมาธิกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก ส่วนการแล่นเรือตามน้ำ คือวิปัสสนา (การมีสติ) จะเห็นน้ำไหลช้าลง ทำให้เห็นรายละเอียดของสิ่งต่างๆที่อยู่ในกระแสน้ำ
และเมื่อเรือมีความเร็วเท่ากับกระแสน้ำ จะเห็นน้ำอยู่นิ่งนั่นก็คือเข้าสู่ปัจจุบันขณะอย่างแท้จริงคนที่ใจร้อนเวลาใจจะเร็วขึ้นเป็น 2 เท่า ในขณะที่รายละเอียดลดลง 2 เท่ารวมแล้วเท่ากับว่าประสิทธิภาพตกลง 4 เท่า ดังนั้น การกระทำใดๆ ถ้าทำอย่างใจร้อนมักจะเสียหายหรือผิดพลาด อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ แต่อนาคตเราเลือกได้จากการตัดสินใจในปัจจุบัน ดังนั้นทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ผู้ป่วยโรคทางจิตเวชมักพบว่าเกิดจากการไปยึดติดกับเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีต หรือไม่ก็มักจะพะวงกับสิ่งที่ยังไม่เกิดในอนาคตจนทำให้เคลียด
และที่แปลกคือผู้ป่วยไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ไม่ยอมรับรู้ปัจจุบัน ดังนั้นการรักษาจะทำให้ยากมาก
ถ้าเทียบการไหลของเวลาเหมือนกับสายน้ำ การเเล่นเรือทวนน้ำเปรียบได้สมถกรรมฐาน (การมีสมาธิแนบแน่น) เวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนมองไม่เห็นรายละเอีอดของสิ่งต่างๆ เช่น เวลาที่มีสมาธิกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก ส่วนการแล่นเรือตามน้ำ คือวิปัสสนา (การมีสติ) จะเห็นน้ำไหลช้าลง ทำให้เห็นรายละเอียดของสิ่งต่างๆที่อยู่ในกระแสน้ำ
และเมื่อเรือมีความเร็วเท่ากับกระแสน้ำ จะเห็นน้ำอยู่นิ่งนั่นก็คือเข้าสู่ปัจจุบันขณะอย่างแท้จริงคนที่ใจร้อนเวลาใจจะเร็วขึ้นเป็น 2 เท่า ในขณะที่รายละเอียดลดลง 2 เท่ารวมแล้วเท่ากับว่าประสิทธิภาพตกลง 4 เท่า ดังนั้น การกระทำใดๆ ถ้าทำอย่างใจร้อนมักจะเสียหายหรือผิดพลาด อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ แต่อนาคตเราเลือกได้จากการตัดสินใจในปัจจุบัน ดังนั้นทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ผู้ป่วยโรคทางจิตเวชมักพบว่าเกิดจากการไปยึดติดกับเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีต หรือไม่ก็มักจะพะวงกับสิ่งที่ยังไม่เกิดในอนาคตจนทำให้เคลียด
และที่แปลกคือผู้ป่วยไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ไม่ยอมรับรู้ปัจจุบัน ดังนั้นการรักษาจะทำให้ยากมาก
บางทีนั่งคุยกันอยู่ดีๆก็ไปคร่ำครวญถึงอดีต นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นผู้ป่วยเหล่านี้จะคิดถึงอดีตวันละนับร้อยๆครั้งเหมือนย้อนจิตกลับไปรับกรรมนั้นอีก แม้จะมีไครเคยทำให้เจ็บ เหตุการณ์นั้นมันก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว ยังจะย้อนใจกลับไปทำให้มันเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนมีอาการทางจิต ซึ่งในมุมมองของคนนอกจะรู้สึกว่าเป็นวิธีคิดที่ไม่ฉลาดเลย เพราะอนาคตสามารถเปลี่ยนได้จากปัจจุบันแท้ๆ แต่กลับไม่สนใจปัจจุบันเรารู้ว่าการจำไม่ได้จะสร้างความเสียหายให้กับชีวิต แต่การลืมไม่ได้อาจสร้างความเสียหายได้มากกว่า ถ้าจิตแพทย์มีคาถา คงอยากจะเสกให้ผู้ป่วยทุกคนลืมอดีตให้หมด แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ เราจะอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตทำไม ในเมื่อปัจจุบันอยู่ในกำมือเรา
และสามารถแก้ไขได้ทันที และถ้าจิตยังไม่เปลี่ยน แม้ได้ย้อนกลับไปก็จะตัดสินใจแบบเดิม แล้วจะมีประโยชน์อะไร
และสามารถแก้ไขได้ทันที และถ้าจิตยังไม่เปลี่ยน แม้ได้ย้อนกลับไปก็จะตัดสินใจแบบเดิม แล้วจะมีประโยชน์อะไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น