๕.๒
ความไร้ระเบียบของระบบเป็นตัวกำหนดเวลา เช่น ถ้ามีรูปภาพ
๒ รูป รูปที่ ๑ เป็นแก้วที่แตกเป็นชิ้น รูปที่ ๒ เป็นแก้วใบเดียวกันที่สมบูรณ์ดี เราจะบอกได้ทันทีเลยว่า รูปแก้วที่แตกจะต้องถ่ายทีหลัง เป็นไปไม่ได้ที่แก้วแตกจะเกิดขึ้นก่อน แล้วรวมตัวกัน
เชื่อมเป็นแก้วที่สมบูรณ์ นั่นก็เพราะเรารู้ว่า จักรวาลมีทิศทาง
ไปข้างหน้าพร้อมกับความไร้ระเบียบที่เพิ่มขึ้นเสมอ
การที่ความโน้มถ่วงเข้ามาจัดระเบียบจักรวาล จึงสวนทิศทาง
ของธรรมชาติ ดังนั้น ทุกครั้งที่จัดระเบียบจะต้องมีการคายพลังงานออกมา พลังงานตัวนี้จะไปทำให้ระบบภายนอก
ยุ่งเหยิงมากขึ้น เช่นเดียวกับตู้เย็นสามารถทำให้น้ำกลาย
เป็นน้ำแข็งซึ่งมีระเบียบมากขึ้น แต่คอมเพรสเซอร์
จะดูดความร้อนไปปล่อยออกนอกตู้ ทำให้ด้านนอกร้อน
และยุ่งเหยิงมากขึ้น จักรวาลมีแนวโน้มจะพัฒนาไปสู่ความยุ่งเหยิงหรือไร้ระเบียบมากขึ้นเสมอ ห้องที่ถูกทิ้งไว้จะรกขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อไรที่มีการจัดห้อง ถือว่าเป็นการสวนทิศของจักรวาล แต่อย่างไรก็ตาม การจัดห้องจะต้องใช้พลังงาน เช่น
จัดห้องเสร็จ ต้องไปทานอาหาร ซึ่งไปทำให้อาหารย่อยสลาย
และยุ่งเหยิงมากขึ้น จากชิ้นเนื้อ ผัก เป็นต้น ข้าวเป็นเมล็ดกลับกลายเป็นโมเลกุลเล็กๆ ที่วุ่นวายสับสน ดังนั้น การจัดห้องแม้จะทำให้ห้องเป็นระเบียบมากขึ้น แต่ก็ไปทำให้อาหารไร้ระเบียบ
เมื่อรวมกันแล้วการ ไร้ระเบียบในจักรวาลจะเกิดขึ้นมากว่า
จิตก็เช่นกัน จะมีความยุ่งเหยิง ไร้ระเบียบขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฝึกปฎิบัติสมาธิวิปัสสนา จิตเป็นระเบียบมากขึ้น แต่ก็ต้องสูญเสีย
กำลังสติไปกับการจัดระเบียบนั้น จะต่างกันก็แต่ความยุ่งเหยิงทาง กายภาพเกิดจากความร้อนที่เพิ่มขึ้น แต่ความยุ่งเหยิง
ภายในจิตเกิดจากความร้อนรุ่ม อันเนื่องมาจากกิเลส ตัณหา ราคะ โลภะ โทสะ
การสวนทิศกฎข้อนี้ของจักรวาลต้องใช้พลังงานสูงมาก เช่นที่มี
คำพูดอมตะประโยคหนึ่งที่ว่า "กรุงโรมไม่สามารถสร้างในวันเดียว แต่สามารถทำลายได้ภายในวันเดียว" นั่นก็เพราะการสร้างใหมีระเบียบเป็นการสวนกระแสแห่งจักรวาล ส่วนการทำลายให้ไร้ระเบียบมากขึ้นเป็นสิ่งที่จักรวาลต้องการอยู่แล้ว
เหมือนกับไข่ฟองหนึ่งกว่าแม่ไก่จะสร้างขึ้นมาได้ต้องใช้เวลา
นับสัปดาห์ แต่เมื่อมันตกถึงพิ้นก็จะกระจายภายใน
เสี้ยววินาที และถ้าใครที่คิดจะรวบรวมไข่ที่ตกแตกแล้ว
มาทำให้เป็นไข่ ฟองเหมือนเดิม ต้องใช้พลังงานและความพยายามอย่างมหาศาลจนเรียกได้ว่าทำไม่ได้เลย เพราะทุกโมเลกุลกระจัดกระจายเกินกว่าจะรวบรวม
ยุ่งเหยิงมากขึ้น เช่นเดียวกับตู้เย็นสามารถทำให้น้ำกลาย
เป็นน้ำแข็งซึ่งมีระเบียบมากขึ้น แต่คอมเพรสเซอร์
จะดูดความร้อนไปปล่อยออกนอกตู้ ทำให้ด้านนอกร้อน
และยุ่งเหยิงมากขึ้น จักรวาลมีแนวโน้มจะพัฒนาไปสู่ความยุ่งเหยิงหรือไร้ระเบียบมากขึ้นเสมอ ห้องที่ถูกทิ้งไว้จะรกขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อไรที่มีการจัดห้อง ถือว่าเป็นการสวนทิศของจักรวาล แต่อย่างไรก็ตาม การจัดห้องจะต้องใช้พลังงาน เช่น
จัดห้องเสร็จ ต้องไปทานอาหาร ซึ่งไปทำให้อาหารย่อยสลาย
และยุ่งเหยิงมากขึ้น จากชิ้นเนื้อ ผัก เป็นต้น ข้าวเป็นเมล็ดกลับกลายเป็นโมเลกุลเล็กๆ ที่วุ่นวายสับสน ดังนั้น การจัดห้องแม้จะทำให้ห้องเป็นระเบียบมากขึ้น แต่ก็ไปทำให้อาหารไร้ระเบียบ
เมื่อรวมกันแล้วการ ไร้ระเบียบในจักรวาลจะเกิดขึ้นมากว่า
จิตก็เช่นกัน จะมีความยุ่งเหยิง ไร้ระเบียบขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฝึกปฎิบัติสมาธิวิปัสสนา จิตเป็นระเบียบมากขึ้น แต่ก็ต้องสูญเสีย
กำลังสติไปกับการจัดระเบียบนั้น จะต่างกันก็แต่ความยุ่งเหยิงทาง กายภาพเกิดจากความร้อนที่เพิ่มขึ้น แต่ความยุ่งเหยิง
ภายในจิตเกิดจากความร้อนรุ่ม อันเนื่องมาจากกิเลส ตัณหา ราคะ โลภะ โทสะ
การสวนทิศกฎข้อนี้ของจักรวาลต้องใช้พลังงานสูงมาก เช่นที่มี
คำพูดอมตะประโยคหนึ่งที่ว่า "กรุงโรมไม่สามารถสร้างในวันเดียว แต่สามารถทำลายได้ภายในวันเดียว" นั่นก็เพราะการสร้างใหมีระเบียบเป็นการสวนกระแสแห่งจักรวาล ส่วนการทำลายให้ไร้ระเบียบมากขึ้นเป็นสิ่งที่จักรวาลต้องการอยู่แล้ว
เหมือนกับไข่ฟองหนึ่งกว่าแม่ไก่จะสร้างขึ้นมาได้ต้องใช้เวลา
นับสัปดาห์ แต่เมื่อมันตกถึงพิ้นก็จะกระจายภายใน
เสี้ยววินาที และถ้าใครที่คิดจะรวบรวมไข่ที่ตกแตกแล้ว
มาทำให้เป็นไข่ ฟองเหมือนเดิม ต้องใช้พลังงานและความพยายามอย่างมหาศาลจนเรียกได้ว่าทำไม่ได้เลย เพราะทุกโมเลกุลกระจัดกระจายเกินกว่าจะรวบรวม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น